ชีวิตคุณ คุณเลือกเอง

ภาพจาก Pixabay

สัปดาห์ที่แล้วเขียนเรื่อง ความกล้าของ “ตูน” อาทิวราห์ คงมาลัย นักร้องหนุ่มที่ลุกขึ้นมาปลุกความรู้สึกของ “การให้” ต่อสังคม แน่นอนว่าการลุกขึ้นยืนของผู้กล้าย่อมมี อุปสรรคและบททดสอบ

ตลอดสัปดาหที่ผ่านมาซึ่งนับเป็นสัปดาห์ที่สองของการวิ่งระยะทางกว่า สองพันกิโลเมตรของ ตูน จาก อำเภอใต้สุดของประเทศอย่างเบตง ไปยังอำเภอที่อยู่เหนือสุดของประเทศอย่าง แม่สาย แม้ว่าการวิ่งจะยังไม่ถึงครึ่งทางแต่เงินบริจาคพุ่งทะลุ 150 ล้านบาทไปแล้ว และน่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว

แต่เมื่อมีคนเห็นด้วย ก็เริ่มมีเสียงเห็นต่าง ในตลอดสัปดาห์ที่สองของการวิ่งดูเหมือนว่า เสียงของความเห็นต่าง หรือ ที่ภาษาโซเชียล ใช้คำว่า “แซะ” นั้นจะดังขึ้นเรื่อยๆ หลายเสียงบอกว่าสิ่งที่ “ตูน” ทำ ไม่ได้ช่วยให้ระบบสาธารณสุขในประเทศดีขึ้น อีกหลายเสียงบอกว่าหน้าที่การพัฒนาระบบสาธารณสุขเป็นของรัฐบาลที่จะต้องจัดสรรงบประมาณซึ่งประชาชนได้จ่ายภาษีไปแล้ว และ อีกบางเสียงที่มีคำถามถึง “ตูน” เกี่ยวกับสปอนเซอร์ที่สนับสนุนการวิ่ง

เสียงของความเห็นต่าง ดูเหมือนว่าจะดังไปถึงหูท่านนายกฯ จนทำให้ “ลุงตู่” ต้องออกมาให้กำลังใจ “ตูน” โดยมีวลีเด็ดเหมือนเคยว่า “คนทำดีขออย่าดูถูกดูแคลน” เป็นวลีที่ใช้ได้เลยนะคะกับสังคมปัจจุบัน ที่คนชอบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางโลก และ พยายามจะรักษาสิทธิของตนเองทุกข้อ จนบางครั้งไม่รู้ว่าสิทธิที่พยายามจะรักษานั้นไปละเมิดสิทธิของคนอื่นหรือเปล่า ยกตัวอย่างง่ายๆ กับการขี่มอเตอร์ไซต์บนเส้นทางไบค์เลน ที่หลายคนอ้างว่ารถมันติด จักรยานก็ไม่เห็นขี่และทำอย่างนี้มานานแล้วมีน้ำใจกันหน่อยไม่ได้เหรอเป็นการพูดโดยที่ไม่รู้ว่า คำว่า “มีน้ำใจ”ที่ขอนั้นไปละเมิดสิทธิคนอื่นบนท้องถนนหรือไม่

กลับมาที่เรื่องของ “พี่ตูน” (ขออนุญาตเรียกตามคนอื่นแม้ผู้เขียนจะอายุมากกว่าก็ตาม..ฮา) สำหรับคนที่คิดจะแซะ ต้องมองไปที่วัตถุประสงค์แรกของ “พี่ตูน” ก่อนว่าเขาลุกขึ้นมาเพื่อต้องการชี้ให้เห็นว่างบประมาณในระบบสาธารณสุขมันไม่เพียงพอ แม้ว่าจะมีจัดสรรมาแล้วก็ตาม คิดง่ายๆจำนวนโรงพยาบาล กับจำนวนผู้ป่วยในปัจจุบันนั้นมันมีช่องว่างที่ห่างกันเป็นอย่างมาก และภาษีที่บอกว่าเสียกันทุกปี ก็เห็นหลายคนพยายามเลี่ยงกันทุกปีเหมือนกัน หรือบางคนยังไม่เคยเสียภาษีด้วยซ้ำ

แต่เหนืออื่นใดที่ชอบที่สุดในแนวความคิดของ “พี่ตูน” กับวัตถุประสงค์ของการวิ่งคือการออกมาแสดงให้คนในสังคมเห็นว่าการดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง คือการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดของระบบสาธารณสุขในปัจจุบัน เพราะการออกกำลังเป็นทางออกเดียวที่จะทำให้ทุกคนมีชีวิตที่ยั่งยืนอย่างมีสุขภาพดี มีน้องๆ พี่ๆ หลายคน รวมไปถึงตัวผู้เขียนเอง ที่อยากมีสุขภาพดี อยากลดความอ้วน แต่สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดของพวกเราคือนั่งคิด และ เพ้อไปว่า พรุ่งนี้ฉันจะออกกำลัง แต่ฉันก็ไม่ได้ทำ (หรือไม่จริง) เราตามใจปากตัวเอง รู้ทั้งรู้ว่าน้ำอัดลม หรือ น้ำผลไม้ น้ำชาสีต่างๆ นั้นอุดมไปด้วยน้ำตาล เรายังกิน (แต่เวลาสั่งกาแฟดันสั่งหวานน้อย คือมันไม่ได้ช่วยอะไรนะคะ)

“ตูน” ได้แสดงให้เห็นว่า คนหนึ่งคนนั้นไม่มีขีดจำกัด เพราะสิ่งที่เราคิดว่าเป็นขีดจำกัดของตนเองว่าจะทำไม่ได้ ตูน ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าทำได้ เขาสามารถวิ่งได้ 400-500 กิโลเมตร ติดต่อกันมามากกว่า 10 วันแล้วนั่นหมายความว่า คนปกติอย่างเราๆท่านๆหากดูแลร่างกายและเตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดี การวิ่งมาราธอน หรือออกกำลังเป็นเรื่องไม่เกินความสามารถ มันขึ้นอยู่กับว่า คุณจะเลือกอยู่ในส่วนปลายของระบบสาธารณสุข เพื่อรอรับการรักษา หรือ จะอยู่ในส่วนหัวที่เป็นการป้องกัน

ก็อย่างที่ใครบางคนเคยพูดไว้ “ชีวิตคุณ คุณเลือกเอง”

พบกันใหม่สัปดาห์หน้าค่ะ