“ประเทศไทย” ตรวจหาอะไรก็ไม่เจอ!?

กรณีร้องเรียนมากมายที่ออกข่าวสื่อหลายสำนัก แต่ท้ายที่สุดก็ได้รับการยืนยันเดิมๆ ว่าไม่เจอ เป็นไปตามข้อกำหนดหรือยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานบ้าง จึงเรียกได้ว่าประชาชนนี่งงกันทั้งประเทศ เพราะรัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างเข้มงวดแล้วแต่ไม่พบ อย่างลอตเตอรี่ที่ทุกวันนี้พ่อค้าแม่ค้า เขาขายกันใบละ 90-100 บาทแล้ว บางเจ้าขายใบละ 120 บาทก็มี ทำไมท่านไม่เจอ!?

ไม่เจอลอตเตอรี่ขายเกินราคา 80 บาท

ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้ออกมาเปิดเผยถึงการลงพื้นที่สำรวจ เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2560 ยืนยันว่าไม่พบสลากที่ขายเกินราคา 80 บาท พร้อมชี้แจงกรณีสลากขายเกินราคา ที่เกิดจากการที่ผู้ได้รับโควตาสลากนำไปขายต่อให้พ่อค้าคนกลาง เพื่อรวมชุดและนำไปจำหน่ายต่อในราคาแพงนั้น เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่มีการกำหนดบทลงโทษเกี่ยวกับพ่อค้าคนกลาง หรือผู้ที่มีพฤติกรรมที่ทำให้ราคาสลากบิดเบือนไปจากที่ควรจะเป็น

สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จึงได้เพิ่มกำหนดบทลงโทษผู้ที่มีพฤติกรรมดังกล่าว ในร่างพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลแล้ว จากเดิมกำหนดโทษปรับอย่างเดียวไม่เกิน 2,000 บาท เป็นสำหรับผู้ที่จำหน่ายสลากเกินราคา ให้มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท รวมถึงการห้ามจำหน่ายสลากในสถานศึกษา และห้ามจำหน่ายให้บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ด้วย ซึ่งกำหนดโทษในอัตราเดียวกับการจำหน่ายสลากเกินราคา

ไม่เจอราคาอาหารแพงเกินกว่ากำหนดในสนามบินสุวรรณภูมิ

จากกรณีการร้องเรียนของผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งชื่อ Eakarat Takiannuch ว่าได้เข้ามาใช้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยไปทานข้าวหน้าเป็ดและน้ำดื่ม ในร้านจำหน่ายอาหารบริเวณอาคารเทียบเครื่องบิน ซึ่งมีราคาสูงเกินกว่าที่ควบคุมนั้น ซึ่งทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ทำการตรวจสอบแล้ว พบว่าราคาขายอาหารเมนูดังกล่าวเป็นไปตามข้อกำหนด ในเงื่อนไขสัญญาระหว่างบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กับผู้ได้รับสัมปทานโครงการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ในอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

กล่าวคือราคาอาหารที่จำหน่ายในอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะต้องไม่สูงกว่าราคาท้องตลาดอัตราร้อยละ 25 โดยเปรียบเทียบจากร้านอาหารประเภทเดียวกัน ภายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งจากการตรวจสอบราคาข้าวหน้าเป็ดและน้ำดื่มที่จำหน่าย พบว่ามีราคาไม่เกินอัตราที่กำหนด สำหรับน้ำดื่มที่มีราคาขวดละ 50 บาทพบว่าเป็นน้ำแร่ ซึ่งภายในร้านยังมีน้ำดื่มราคา 10 บาทจำหน่าย เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ใช้บริการอยู่

ไม่เจอค่าฝุ่นเกินมาตราฐานในโรงงานอุตสาหกรรม

กรณีเพจหมอแล็บแพนด้า เผยแพร่ข้อมูลว่า ภาคอุตสาหกรรมโรงงานเป็นแหล่งกำเนิด ต้นเหตุของฝุ่นละออง PM 2.5 กว่า 30% นั้น ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากผลการศึกษาของกรมควบคุมมลพิษ พ.ศ.2561 พบว่าฝุ่นละอองส่วนใหญ่หรือร้อยละ 52 เกิดจากไอเสียดีเซลจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ และร้อยละ 35 เกิดจากการเผาไหม้ในที่โล่งแจ้ง เป็นต้น ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ดำเนินการส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงสำรวจในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงแล้ว

โดยให้มีการตรวจสอบและเฝ้าระวังโรงงานทั่วประเทศ 7,700 โรงงาน พร้อมสุ่มตรวจวัดมลพิษทางอากาศในพื้นที่เสี่ยง 12 จังหวัด (กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ชลบุรี ระยอง ปราจีนบุรี และราชบุรี) ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2562 โดยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ยืนยันว่าไม่พบโรงงานในพื้นที่เสี่ยง ที่ทำให้เกิดฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน

ไม่เจอรถเมล์ควันดำ (อันนี้ถามจริง)

จากรายงานข่าวที่ ผู้บังคับการตำรวจจราจร ร่วมกับหัวหน้าฝ่ายตรวจการ กองตรวจการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางบก และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสิ่งแวดล้อม เขตคลองเตย กรมควบคุมมลพิษ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.จร. ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบอู่รถเมล์ของขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ เขตการเดินรถที่ 4 ย่านคลองเตย

ที่เป็นอู่รถเมล์ของสาย 4 13 47 136 195 และสาย 205 เพื่อตรวจควันจากท่อไอเสียรถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ที่อาจมีค่าควันดำเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ร้อยละ 45 ที่เป็นสาเหตุของปัญหามลภาวะฝุ่นละอองในอากาศ หรือ PM 2.5 (ใช้วิธีการสุ่มตรวจ) ปรากฎว่าไม่พบรถเมล์คันไหนมีควันดำ ที่ต้องส่งตรวจต่อไป