“อองรี มาติส” กับ โฟวิสม์ และสิ่งที่เขาเหลือไว้ให้วงการศิลปะรุ่นหลัง

ใครไม่รู้จัก อองรี มาติส บ้าง? คนที่พอจะสนใจศิลปะอยู่บ้างแน่นอนว่าต้องคุ้นหูเป็นอย่างดี เจ้าของฝีแปรงที่รุนแรง กับการใช้สีจัดๆ สดๆ สำหรับคนที่ไม่รู้จัก มารู้ประวัติของ มาติส แบบคร่าวๆ กันก่อน

The Dance , 1909

อองรี มาติส (Henri Matisse) ศิลปินชาวฝรั่งเศส เกิดในปีค.ศ. 1869  จากที่ตอนแรกเรียนและทำงานเกี่ยวกับกฎหมาย แต่ก็กลับมาสนใจศิลปะและมุ่งมาในทางนี้ในภายหลัง  เป็นที่รู้จักกันดีในนามจิตรกร  แต่ความจริงแล้วด้านภาพพิมพ์และประติมากรรมก็โดดเด่นเหมือนกัน  และมีความสำคัญอีกอย่างคือเป็นผู้นำลัทธิ Fauvism (โฟวิสม์ ที่แปลว่าสัตว์ป่า) จะเรียกว่าเป็นลัทธิทางศิลปะที่มีความสำคัญในช่วงการเปลี่ยนแปลงมาสู่ Modern Art เลยก็ว่าได้ เพราะเราจะเห็นว่าหลังจากที่โมเนท์ริเริ่มลัทธิ Impressionism ขึ้นมา สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินสมัยนั้นหลายๆ คนกล้าที่จะแตกต่างและริเริ่มอะไรนอกกรอบกันบ้าง

โฟวิสม์คืออีกหนึ่งลัทธิที่เป็นผลมาจากแรงบันดาลใจนั้น (แน่นอนว่ามาติสได้แรงบันดาลใจมาจาก Impressionism เต็มๆ)

The dessert : harmony in red (The red room) , 1908

The dessert : harmony in red เป็นผลงานที่แทบจะเรียกว่า มาสเตอร์ พีซ ของมาติสเลยทีเดียว เพราะเราจะเห็นบ่อยๆ ในหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ศิลปะ ถือว่าเป็นอีกผลงานที่อธิบายโฟวิสม์ได้ดีเลยทีเดียว

ศิลปินเกือบจะทุกคนต้องเริ่มมาจากการวาดตามต้นแบบและความถูกต้องก่อนอยู่แล้ว เมื่อถึงจุดอิ่มตัวจึงเริ่มค้นหาตัวเองเพื่อความเป็นเอกลักษณ์กันต่อไป มาติสนั้นเริ่มจากการศึกษาทั้งหุ่นนิ่ง ภาพทิวทัศน์ และรูปคน จนในที่สุดก็เจอสไตล์ของตัวเอง  จุดเด่นที่สำคัญในงานของมาติส และลัทธิโฟวิสม์ที่เข้าเป็นผู้นำนั้นคือ สี และความรุนแรงของทีแปรง สมัยนั้นคงมีศิลปินไม่กี่คนที่ริเริ่มสร้างงานแบบรุนแรง ใช้สีจัดๆ มาอยู่ด้วยกัน ที่ว่ากันว่าไม่ต่างจากสัตว์ป่าเหมือนกับชื่อลัทธิ

แล้ววงการศิลปะตอนนี้ล่ะ ได้รับอิทธิพลจากผลงานของมาติส และลัทธิโฟวิสม์แค่ไหน?

ลัทธิโฟวิสม์ แข็งแกร่งยันปัจจุบัน

อย่างที่เกริ่นไปว่าในสมัยนั้นเหมือนยุคแห่งการสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ เพื่อความแตกต่าง เดินหน้า และพัฒนาวงการศิลปะ  โฟวิสม์เป็นลัทธิที่ถือว่าสำคัญอีกลัทธิหนึ่ง  แน่นอนว่าสามารถเป็นต้นแบบในการสร้างงานศิลปะให้คนรุ่นหลังได้ดีทีเดียว ถึงแม้ว่าจะกำเนิดมานานกว่า 100 ปีแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างงานศิลปะของศิลปินดังหลายๆ คน

เป็นจุดเริ่มต้นให้คนกล้าใช้ สีจัดๆ การวาดแบบรุนแรงๆ ในงาน

หลังจากเห็นงานของมาติส หลายคนๆ ที่ชอบวาดรูปคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าทำให้เกิด ความกล้าและความอยาก ที่จะลองใช้สีแบบมาติสมาลองทำงานดูบ้าง  ว่ามันจะเป็นยังไง? จะรู้สึกได้ปลดปล่อยอารมณ์มั้ย? จะทำให้ผลงานตัวเองสมบูรณ์ได้แบบมาติสมั้ย? หรือเราจะสามารถมีสไตล์และริเริ่มอะไรใหม่ๆ ได้แบบนั้นมั้ย? ทำให้คนมีแรงทำผลงานมากขึ้น เพราะเราไม่จำเป็นต้องเป็นคนสกิลแน่น ลงแสงเงาได้ถูกต้องทุกจุด แต่ก็สามารถเป็นคนที่โด่งดังได้ เรียกได้ว่าจุดประกายและปลุกไฟให้หลายคนเลยทีเดียว

แรงบันดาลใจ และวิธีการสร้างงานของมาติส ก็เอามาใช้ได้

เท่าที่ไปศึกษาการสร้างงานของมาติส เขาก็เป็นคนที่เริ่มจากการทำตามรูปแบบทั่วไปก่อน  อย่างรูปทิวทัศน์ หรือรูปหุ่นนิ่ง ก็ฝึกฝนตัวเองโดยการคัดลอกผลงานของศิลปินที่ชอบ ใช้สิ่งที่ไปเจอมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างงาน  อย่างสไตล์แบบเอเชีย แอฟริกา ลวดลายการตกแต่งแบบศิลปะอิสลาม  หรือการทิ้งที่ว่าง เรียบๆ แบบญี่ปุ่น ก็นำมาประยุกต์ให้เป็นผลงานตัวเอง

การวาดหุ่นนิ่ง หรือวาดรูปเปลือย จุดเด่นของมาติสที่เห็นในแทบทุกงาน เป็นอีกอย่างที่มาติสโปรดปราน และโด่งดัง

จะ Fine Art หรือออกแบบ โฟวิสม์ก็ยังเอาอยู่

ถึงแม้มินิมอล Less is More จะมีอิทธิพลและดูมีรสนิยมในงานออกแบบ แต่สไตล์สัตว์ป่าอย่างโฟวิสม์ก็ไม่แพ้กันทีเดียว เพราะเท่าที่เห็นไม่ว่าจะเป็นศิลปิน Fine Art เอง หรือการออกแบบ การใช้สีสดๆ และสไตล์ที่ดูรุนแรง ดูไม่ได้ตั้งใจ เกิดขึ้นให้เห็นผ่านตาเราเยอะทีเดียว

แต่ถ้าจะให้มองกันอีกมุม ก็คงต้องมองกันที่ยุคสมัยและความนิยมในตอนนั้นๆ มากกว่า ดูอย่างแฟชั่นการแต่งตัวที่วนไปวนมา กลับมาใส่สไตล์ 80s , 90s กันอีกครั้ง คงไม่ต่างอะไรกับความนิยมด้านศิลปะที่วกไปวนมาตามยุคสมัยเช่นกัน

อ้างอิงข้อมูลจาก  theartstory.org , henrimatisse.org