3 พื้นที่เสี่ยงชนวนเหตุสงครามโลกครั้งที่ 3

คุณเชื่อคำทำนายเรื่องสงครามโลกครั้งที่สาม ตามที่นอสตราดามุส ทำนายเอาไว้ไหม ยิ่งเวลานี้ดูเหมือนว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในซีเรีย จะตรงกับสิ่งที่ นอสตราดามุส ทำนายเอาไว้ว่าชนวนเหตุของสงครามจะเริ่มที่ตะวันออกกลาง

คุณอาจจะตอบว่าเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ แต่ความขัดแย้งระหว่างชาติมหาอำนาจในปัจจุบัน ได้พัฒนาจากสงครามระหว่างประเทศ เป็นสงครามตัวแทน ที่ใช้พื้นที่ของชาติอื่นในการประกาศอำนาจของตนเองและในปี 2018 มีนักวิเคราะห์สถานการณ์ต่างประเทศได้ วิเคราะห์เอาไว้ว่า มีพื้นที่เสี่ยงสงครามตัวแทนอยู่สามจุดบนโลก และถ้าความขัดแย้งบานปลายก็อาจกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่สามได้ ส่วนจะมีพื้นที่ไหนที่จะเป็นชนวนเหตุให้เกิดสงครามโลกครั้งที่สามได้นั้นมาสำรวจกัน

สงครามกลางเมืองใน “ซีเรีย”

ทันทีที่สหรัฐฯร่วมกับพันธมิตรอย่างฝรั่งเศส และ อังกฤษ ตัดสินใจยิงขีปนาวุธถล่มฐานผลิตอาวุธเคมีตามที่สหรัฐฯอ้างนั้น ทั่วทั้งโลกก็เกิดแรงกระเพื่อมทั้งที เพราะ สงครามกลางเมืองซีเรีย ที่เกิดขึ้นและยังไม่สามารถหาทางยุติได้ในปัจจุบัน นั้นกลายเป็นสงครามตัวแทนของชาติมหาอำนาจตะวันตก ยุโรป และ ตะวันออกกลางอย่างเต็มรูปแบบ

เริ่มจากที่ ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล อัสซาด ตัดสินใจจัดการปราบม็อบอาหรับสปริงในปี 2011 (ทำความเข้าใจแบบสั้นๆ อาหรับสปริง คือความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ทำให้ผู้นำเผด็จการหลายคนในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางต้องพ้นจากอำนาจ) ซึ่งท้ายที่สุดกลุ่มม็อบอาหรับสปริงได้กลายเป็น “กองทัพปลดปล่อยซีเรีย” ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ กลุ่มชาติอาหรับที่ร่ำรวยในอ่าวเปอร์เซีย นำโดยซาอุดิอาระเบีย ขณะที่กองทัพของ อัล อัดซาด ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย และ อิหร่าน

พอมีการยิงขีปนาวุธของสามชาติพันธมิตร อันประกอบไปด้วย สหรัฐฯ ฝรั่งเศส และอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายหลังที่กำลังมีความขัดแย้งกับ รัสเซีย ถึงขนาดลดความสัมพันธ์ทางการทูต พื้นที่ประเทศซีเรีย จึงกลายเป็นพื้นที่ของสงครามตัวแทนอย่างชัดเจน และ ความที่มีหลายชาติเข้าไปร่วมเกี่ยวข้องทำให้เกิดความกังวลกันว่า จะกลายเป็นชนวนเหตุในการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3

เกาหลีเหนือ คอมมิวนิสต์ไม่ตกยุค

เกาหลีเหนือ คือประเทศคอมมิวนิสต์ ที่เหลืออยู่อีกไม่กี่ประเทศบนโลกใบนี้แต่สำหรับผู้นำหนุ่มไฟแรงอย่าง คิม จอง อึน ที่ขึ้นรับอำนาจต่อจากบิดา คิม จอง อิล ได้สร้างความฮึกเหิมให้กับกองทัพเกาหลีเหนือ เพราะนอกจากเรียกขวัญกำลังใจแล้ว การทดสอบอาวุธ ขีปนาวุธให้เพื่อนบ้านอย่างเกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่นได้หวั่นไหวกันไปทั่วคาบสมุทร ทำให้เกาหลีเหนือ กลับมาเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ ที่ทั่วโลกต้องจับตาอีกครั้ง

แต่การประกาศศักดาของเกาหลีเหนือ ที่เหมือนจะท้าทายพี่เบิ้มอย่างสหรัฐฯด้วยการประกาศว่า ประสบความสำเร็จในการพัฒนา ballistic missiles หรือ ขีปนาวุธข้ามทวีป ทำให้ โดนัลด์ ทรัมป์ หงุดหงิดไม่น้อย ถึงขนาดทวีตข้อความตอบโต้ว่า ปุ่มนิวเคลียร์ของตนเองใหญ่กว่า จากนั้นก็เป็นการเริ่มต้นสงครามน้ำลายระหว่าง เกาหลีเหนือ กับ สหรัฐฯ คุยเกทับกันไปมาจนสร้างความรำคาญให้กับ จีน ที่ถือว่าเป็นพี่ใหญ่สายคอมมิวนิสต์ และ เป็นพันธมิตรกับเกาหลีเหนือ

เพราะในอดีตไม่ว่าประชาคมโลกจะคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของเกาหลีเหนืออย่างไร แต่จีน ยังคงให้ความช่วยเหลือ เกาหลีเหนือเรื่อยมา เมื่อ จีนออกมาปราม ผู้นำเกาหลีเหนือ ก็มีเงียบๆไปบ้าง ขณะเดียวกัน สหรัฐฯเองในปัจจุบันก็ต้องเกรงใจมังกรจีน และถ้าเกิดสหรัฐฯจะหาพันธมิตรมาทำสงครามกับเกาหลีเหนือ ก็ไม่ต้องสืบเลยว่าจีน จะให้ความสนับสนุนฝ่ายไหน หากเป็นเช่นนั้นจริง ช้างสารชนกันหญ้าแพรกก็แหลกลาน

ไต้หวัน เกาะเล็กๆ ที่อาจทำให้ 2 พี่เบิ้มทะเลาะกัน

ไต้หวัน อาจเป็นเกาะเล็กๆที่หลายคนคิดว่าไม่น่าจะกลายเป็นพื้นที่บานปลายเป็นชนวนเหตุของสงครามโลกได้ แต่พลันที่ผู้นำหญิงของไต้หวันอย่าง ไช่ อิงเหวิน ต่อสายคุยกับผู้นำสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อปี 2560 จากนั้นไม่นาน รัฐบาลสหรัฐฯก็ได้ อนุมัติขายอาวุธให้กับ “ไต้หวัน” คิดเป็นมูลค่า 44,000 ล้านบาท

ทั้งหมดนี้ถือว่าท้าทายความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนเป็นอย่างยิ่ง เพราะในปี 2522 สหรัฐฯ ได้ตัดความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับไต้หวัน เพื่อสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนแผ่นดินใหญ่ และยอมรับว่ารัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนเป็นรัฐบาลจีนเพียงหนึ่งเดียวภายใต้หลักการ “จีนเดียว” และ ด้วยความที่ จีน นับเอาไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของ จีน การที่สหรัฐฯ ขายอาวุธให้ก็เหมือนกับยอมรับกลายๆในความมีอยู่ของไต้หวัน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับจีนเป็นอย่างยิ่ง

แน่นอนว่า ไต้หวัน คงไม่ได้อยากประกาศสงครามกับใคร แต่ไต้หวัน ก็เหมือนเป็นพื้นที่สงครามตัวแทนของชาติมหาอำนาจอย่าง สหรัฐฯ กับ จีน ที่แม้ว่าภายนอกเหมือนจะมีสัมพันธ์ทางการทูตที่ดี แต่ภายในกลับเปราะบางเพราะต่างก็มีพฤติกรรม ทางลับในการให้ความสนับสนุนชาติที่เป็นคู่ขัดแย้งของกันและกัน