แบกเป้ไปดูบอลโลกที่รัสเซียแบบไม่ง้อทัวร์ (ตอนที่ 9)

แบกเป้ไปดูบอลโลกที่รัสเซียแบบไม่ง้อทัวร์ ในตอนนี้ หลังจากที่เราพาลัดเลาะจตุรัสแดง และสุสานเลนิน กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยังเหลือสถานที่สำคัญอีก 2 แห่งในอาณาบริเวณจตุรัสแดงซึ่งถือเป็น Landmark ระดับโลกของนักท่องเที่ยว ที่หากมาเหยียบรัสเซียและเหยาะย่างใจกลางกรุงมอสโกแล้วต้องไม่พลาดเป็นอันขาด

นั่นคือ มหาวิหารนักบุญเบซิล และเครมลินแห่งมอสโก

เครมลินแห่งมอสโก นั้น ประกอบไปด้วยสถานที่สำคัญ 2 แห่ง นั่นคือ กำแพงเครมลิน และพระราชวังเครมลิน

พระราชวังเครมลิน ดำริขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์รัสเซีย ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 12 ปี คือในระหว่างปีค.ศ.1837 ถึงปี ค.ศ.1849 ตั้งอยู่ในบริเวณที่เรียกว่าเครมลินแห่งมอสโกบนเนินโบโรวิตสกี พระราชวังเครมลินออกแบบโดยทีมสถาปนิกภายใต้การบริหารจัดการของคอนสแตนติน ธอน สถาปนิกคนสำคัญของรัสเซีย ที่ได้รับมอบหมายให้ควบคุมการก่อสร้างเครมลินอาร์มรี และมหาวิหารพระคริสต์ผู้ไถ่ อีกด้วย

ปัจจุบันพระราชวังเครมลินถูกใช้เป็นที่ประชุมของรัฐบาลและสถานที่รับรองแขกระดับประมุขของประเทศ

ส่วน กำแพงเครมลิน นั้นเป็นที่มาของการเข้าใจผิดคิดว่า คำว่าจตุรัสแดง หมายถึงอิฐของกำแพงของพระราชวังเครมลินที่เป็นสีแดง แท้ที่จริงแล้วอย่างที่กล่าวไปในตอนที่แล้ว ว่า นาม “จัตุรัสแดง” นั้น มักมีผู้คนเข้าใจผิดว่า “แดง” นั้นมาจาก “สีแดง” แห่ง “ลัทธิคอมมิวนิสต์” และบางท่านก็อาจตีความว่า “แดง” คงมาจากอิฐในบริเวณนั้น ซึ่งเป็น “สีแดง” ล้วน

เพราะในความเป็นจริงแล้ว “จัตุรัสแดง” หรือ красный (อ่านว่า krásnyj – กราจนี) ในภาษารัสเซียดั้งเดิมมีความหมายว่า “สวยงาม” ขณะที่ภาษารัสเซียสมัยใหม่ แปลว่า “สีแดง” นั่นเอง

กำแพงเครมลิน ประกอบด้วยหอคอยทั้งหมด 20 แห่ง และหอคอยที่นักท่องเที่ยวรู้จักมากที่สุดก็คือ หอคอยสปาสกายา หรือหอคอยที่มีนาฬิกาที่ตั้งอยู่โดดเด่นเป็นสง่าในบริเวณจตุรัสแดงนั่นเอง

ถัดจาก เครมลินแห่งมอสโก ที่ประกอบด้วยสถานที่สำคัญ 2 แห่ง นั่นคือ กำแพงเครมลิน และพระราชวังเครมลิน แล้ว ยังมีสถานที่สำคัญซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทั้งกรุงมอสโก และของประเทศรัสเซีย นั่นก็คือ มหาวิหารนักบุญเบซิล

มหาวิหารนักบุญเบซิล อาสนวิหารของศาสนจักรออร์โธดอกซ์รัสเซีย ตั้งอยู่ใจกลางจัตุรัสแดงแห่งกรุงมอสโก สร้างโดยพระเจ้าซาร์ที่ 4 เจ้าของฉายาอีวานจอมโหด เพื่อฉลองชัยชนะเหนือพวกมองโกล ณ เมืองคาซาน เมื่อปี ค.ศ.1552 ผลจากชัยชนะครั้งนี้ทำให้รัสเซียสามารถรวมชาติได้เป็นปึกแผ่น อีวานจอมโหด จึงดำริให้สร้างมหาวิหารนักบุญเบซิลขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1555

ความที่มหาวิหารนักบุญเบซิลเป็นที่เลื่องลือนั้น นอกจากมีการนำสถาปัตยกรรมรัสเซียโบราณอันได้รับอิทธิพลมาจากไบแซนไทน์ที่มักสร้างโดมทรงหัวหอม มาผสมผสานกับสถาปัตยกรรมที่เรียกกันว่ารัสเซียนโกธิคหรือหอคอยสูงรูปกระโจมเป็นอิทธิพลจากยุโรปตะวันตกแล้ว ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือรูปทรงที่ไม่เหมือนใคร เพราะมีการสร้างโดมจำนวน 8 อันล้อมรอบโดมที่ 9 ซึ่งอยู่ตรงกลาง ทำให้อาคารมีรูปทรงแปดเหลี่ยม อีกทั้ง ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงกลายเป็นหอคอยรูปแท่งเทียนกำลังลุกไหม้ ส่งความโชติช่วงชัชวาลย์เสมือนเครื่องบูชาเทพเจ้าบนสรวงสวรรค์

เรื่องเล่าที่น่าสะพรึงกลัวที่กลายเป็นตำนานกล่าวขานกันมาหลายชั่วอายุคนก็คือ ด้วยฝีมือการออกแบบที่แสนวิจิตรบรรจงของ สถาปนิกที่ชื่อปอสต์นิค ยาคอฟเลฟ ทำให้พระเจ้าซาร์ที่ 4 ทรงพอพระทัยในความงดงามของมหาวิหารนักบุญเบซิล แห่งนี้มาก จึงมีคำสั่งให้ปูนบำเหน็จเต็มพิกัดแก่ปอสต์นิค ยาคอฟเลฟ ให้เป็นที่จดจำไปจนชั่วลูกชั่วหลาน!

นั่นคือ การควักดวงตาทั้งสองของปอสต์นิค ยาคอฟเลฟ เพื่อไม่ให้เขาไปสร้างสิ่งที่สวยงามกว่านี้ได้อีก!!!

การกระทำในครั้งนั้นของพระเจ้าซ้านที่ 4 เป็นที่มาของสมญานาม อีวานผู้โหดร้าย หรือ Ivan The Terrible นั่นเอง!!

อ่านตอนแรกได้ที่  แบกเป้ไปดูบอลโลกที่รัสเซียแบบไม่ง้อทัวร์ (ตอนที่ 1)
อ่านตอนที่สองได้ที่  แบกเป้ไปดูบอลโลกที่รัสเซียแบบไม่ง้อทัวร์ (ตอนที่ 2)
อ่านตอนที่สามได้ที่  แบกเป้ไปดูบอลโลกที่รัสเซียแบบไม่ง้อทัวร์ (ตอนที่ 3)
อ่านตอนที่สี่ได้ที่  แบกเป้ไปดูบอลโลกที่รัสเซียแบบไม่ง้อทัวร์ (ตอนที่ 4)
อ่านตอนที่ห้าได้ที่  แบกเป้ไปดูบอลโลกที่รัสเซียแบบไม่ง้อทัวร์ (ตอนที่ 5)
อ่านตอนที่หกได้ที่  แบกเป้ไปดูบอลโลกที่รัสเซียแบบไม่ง้อทัวร์ (ตอนที่ 6)
อ่านตอนที่เจ็ดได้ที่  แบกเป้ไปดูบอลโลกที่รัสเซียแบบไม่ง้อทัวร์ (ตอนที่ 7)
อ่านตอนที่แปดได้ที่  แบกเป้ไปดูบอลโลกที่รัสเซียแบบไม่ง้อทัวร์ (ตอนที่ 8)