วันก่อนดูข่าวท่านนายกออกมาขอความร่วมมือให้คนไทยช่วยกันสนับสนุนรายการคืนความสุข พร้อมทิ้งท้ายประโยคเด็ดที่ว่า “ไม่ดีจริง ไม่อยู่มาถึง 3 ปี” หร๊อกกกก
รายการนี้เรตติ้งจะกระฉูดอย่างที่ท่านอยากให้เป็นหรือไม่ คงต้องให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน แต่อย่างไรก็ดีต้องยอมรับว่ารายการนี้มีส่วนสำคัญทำให้เมืองไทยประหยัดไฟมากขึ้นนะครับ เพราะเท่าที่ทราบมาหลายๆบ้านพร้อมใจปิดทีวีในช่วงค่ำวันศุกร์ทุกทีไป (ฮา)
พูดถึงการอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เข้าสู่ปีที่ 3 มันช่างบังเอิญเหลือเกินกับวาระการรับงานของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ที่เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ อีกหนึ่งทีมรักของผมรองจากอาร์มี่ ยูไนเต็ด เมื่อ 3 ปีที่แล้ว
27 พ.ค. 2017 คือวันที่กุนซือหนุ่มชาวอาร์เจนไตน์เปิดตัวทำงานเป็นเฮดโค้ชในถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน หรือเพียง 5 วันให้หลังที่ พล.อ.ประยุทธ์ รับตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
ซึ่งช่วงเวลา 3 ปีเศษของ “พอช” ยอมรับตามตรงว่า นี่คือโค้ชที่ทำให้ผมลืมรายชื่อโค้ชสเปอร์สราว 10 กว่าคน ตั้งแต่ผมติดตามทีมทีมนี้ลงได้อย่างราบคาบ เพราะหลังหมดยุค “มิสเตอร์ ทีวี” เทอร์รี่ เวนาเบิ้ลส์ ก็มีเพียง แฮร์รี่ เรดแน็ปปป์ คนเดียวที่ดูแล้วพอจะมีความหวังอยู่บ้าง
เอาเป็นว่าผมขอสรุปผลงาน 3 ปี ภายใต้การนำของโปเช็ตติโน่ ที่มีให้เห็นเป็นรูปธรรมมาเล่าสู่กันฟังแล้วกันครับ
- ขันแนวรับที่เคยหลวมของสเปอร์สให้เป็นทีมที่รับเหนียวอันดับต้นๆของลีก
- เชื่อมั่นในนักเตะดาวรุ่ง อาทิ แฮร์รี่ วิงค์ รวมถึงมั่นใจในตัว คีเรน ทริปเปียร์ จนกล้าขายไคล์ วอร์คเกอร์ ออกจากทีม
- ไม่ทุ่มซื้อซูเปอร์สตาร์ แต่สามารถมีนักเตะระดับท็อปของลีกอยู่ในทีม อาทิ แฮร์รี่ เคน ,เดเล่ อัลลี่ และ คริสเตียน อีริคเซ่น
- พาทีมลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ถึง 2 ปีติดต่อกัน
- ถึงขั้นเคยตกเป็นข่าวถูกบาร์เซโลน่าตามจีบไปคุมทีม
อย่างไรก็ดีผลงานทั้งหมดมาถึงนาทีนี้ ถ้าถามแฟนสเปอร์สทั่วโลก คงต้องเอาให้สุด และคงจะเป็นเป้าหมายอื่นไปไม่ได้นอกจากการเห็นทีมรักได้แชมป์พรีเมียร์ลีกสักครั้ง
แต่จะไปถึงวันนั้นหรือไม่คงต้องฝากความหวัง โปเช็ตติโน่ ล่ะครับ อย่างที่บอกไม่ดีจริง ไม่อยู่มาถึง 3 ปี หรอกครับ
รายการคืนความสุขก็เช่นกัน (จริงๆนะครับ)
